When the dream nearly comes true…..

บ่ายแก่ๆวันหนึ่ง ท่ามกลางการจราจรที่แทบเป็นอัมพาตของกรุงเทพเมืองฟ้าอมร หลังจากที่ผมเคลียร์งานเสร็จ เพื่อปฏิบัติภารกิจสุดท้ายก่อนกลับบ้านซึ่งใจผมจดจ่อมาตั้งแต่เช้า สืบเนื่องจากการได้อ่านกระทู้ของท่านพี่ๆน้องๆจอมยุทธ์ผู้กรำศึกเหนือเสือใต้ ก็ถึงเวลาที่ผมรวบรวมความกล้าเพื่อไปถึงสถานที่ที่ผมผ่านอยู่บ่อยๆแต่ไม่ค่อยสังเกตว่ามีของดีราคาย่อมเยาอยู่ (จนมาสองสามครั้งหลังถึงรู้ว่าอ้าวอยู่ตรงนี้นี่เอง) มาวันนี้ผมบึ่งรถเข้าไปจอดในซอย ปรากฏมีชายท้วมๆเดินออกมาถามผมขณะที่ผมกำลังถอยรถเข้าจอดว่า มา....ใช่ไหมครับ ผมตอบไปทันควันว่า ใช่ครับ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ช่วยดูทางให้เพราะรถจอดกันค่อนข้างแน่น จากนั้นผมก็ขึ้นไปที่ร้าน ภายนอกอาจจะดูเก่านิดหนึ่ง แต่ภายในดูโอเคครับ จากนั้นพี่คนดังกล่าวก็กล่าวนำขึ้นมาหลังจากเห็นผมเก้ๆกังๆอยู่เพราะไม่รู้จะเริ่มถามอะไรก่อนว่า ตอนนี้มีน้องอยู่สองคน ผมก็บอกว่าขอดูหน้าน้องก่อนได้ไหมครับ พี่เค้าก็เรียกน้องขึ้นมา คนแรกจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่เพิ่งทำงานได้ 3 วัน ผมก็คิดในใจว่ายังไม่น่าจะเป็นทูตสวรรค์ให้ผมบ่ายนี้ กลัวว่าเดี๋ยวจะเป็นแฟนต้ายุวทูตเพราะผมก็มือใหม่ซะด้วย พอพี่เรียกชื่อน้องอีกคนว่า “น้องดรีม ขึ้นมาหน่อย “ หูผมรับคลื่นเสียงแปรสัญญาญจากในสมองเป็นภาพน้องที่ผมได้อ่านกระทู้ของพี่ๆได้ว่า เฮ้ย น้องดรีมที่หลายคนบรรยายสรรพคุณว่าน่ารักซื่อๆ หุ่นกำลังดี หลังจากผมกำลังจินตนาการหน้าน้องอยู่ (อันที่จริงก็หลายนาที เพราะน้องกินส้มตำอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนั้นคงคิดว่า ไผผู้ใดมาเรียกเปิ้ลน่า กำลังกิ๋นสัมตำรำแต้ๆ) พอน้องขึ้นมาปุ๊ป ผมก็ไม่ลังเลว่าเธอจะเป็นทูตสวรรค์ของผมแน่แท้ ผมรีบบอกพี่ว่าขอน้องคนนี้ครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะมาเลยครับ เพราะผมก็นั่งรอไปอีกชวนพี่เค้าคุยไปเพื่อผ่อนคลายจนน้องคงรีบจกข้าวเหนียวสำเร็จส้มตำแล้วรีบมาทำหน้าที่ทูตสวรรค์ต่อไป......

   ตัดมาที่ห้อง น้องใช้เวลาปานไฟแลบเปลี่ยนสภาพจากชุดธรรมดาไปเป็นชุดวันเกิดโดยที่ผมยังยืนอ้าปากค้างอยู่แล้วบอกน้องว่า เสร็จแล้วหรือ พลันแรกที่เห็น รูปร่างได้สัดส่วน ไฟหน้าพอดีสมส่วน เม็ดมะยมสีชมพูดูแล้วใช้ได้ ช่วงล่างดูดีเหมาะแก่การขับขี่ทั้งทางธรรมดาและทางลื่น บั้นท้ายกลมมนดูน่าโฉบไปเฉี่ยวโดยแท้ (และน่าจะบึกบึน ลองรับแรงชน แรงกระแทกได้) น้องบอกผมกลับมาว่า อ้าวแล้วพี่ไม่ถอดหรือ ผมก็รีบจัดการเปลี่ยนสภาพผมให้มีสถานะเท่าเทียมกันเพื่อความเสมอภาค แล้วฑูตสวรรค์ผมก็ขับพาผมเข้าสู่สนามแรกคือ สนามเกาะนมสาว (มีสถานที่จริงครับ ลองค้นดูได้) สนามนี้ฑูตสวรรค์ได้ขับพาเราสู่สายน้ำ ท่าทางการขับที่ทะมัดทะแม่ง บอกให้รู้ว่าเชี่ยวชาญเส้นทางมาก ไฟหน้าสู้สายน้ำไปตามเส้นทางต่างๆตั้งแต่เหนือจรดใต้ มีหลายครั้งที่ทูตสวรรค์ใช้มือจับคันโยกเพื่อทดสอบก่อนว่าทุกอย่างพร้อมพาเราไปสู่ที่หมาย
   หลังจากจบสนามแรก ใจผมเริ่มผ่อนคลาย แต่ไม่สนามจริงยังรอผมอยู่ ฑูตสวรรค์เริ่มชะโลมน้ำมันเครื่องเพื่อให้เครื่องยนต์หล่อลื่นไม่ติดขัด จากนั้นการขับขี่จริงผ่านเส้นทางต่างๆก็เริ่มขึ้น ทั้งการขับโดยที่ไฟหน้าตลุยไปทางเรียบ มีทั้งเดินหน้า ถอยหลังสลับกันไป บางครั้งบั้นท้ายก็ครูดกับทางด้านล่างบ้างเพื่อเร่งความเร็วสู่จุดหมาย โดยในการขับก็ต้องมีการจับคันโยกเป็นจังหวะจากเกียร์ 1 สู่เกียร์ 2 มา 3 จากนั้นค่อยผ่อนมาบ้างเพื่อให้รอบเครื่องพร้อม หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าเกียร์ 1 ใหม่ คราวนี้ทูตสวรรค์ไม่รอช้า ทั้งเร่งเกียร์ทั้งรีดน้ำมัน จาก เกียร์ 2 เข้าสู่ 3 และ 4 รอบเครื่องผมเริ่มแรงขึ้น เครื่องยนต์เร่งมากขึ้น แรงขึ้น และแล้ว ทางสวรรค์ก็เปิดรับการเข้าสู่เส้นชัยโดยมีทูตสวรรค์ยิ้มแฉงกับการพาผมสู่จุดหมาย สบายผิดกัน
   จบสนามจริง เราก็มาอับเดทประสบการณ์กัน ด้วยความที่ผมมีอายุมากกว่า ก็สอนน้องไปว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนอนิจัง เพราะฉะนั้นต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตครับ (เพิ่งรู้ว่าน้องชอบเรื่องธรรมะครับ)
   ขอสรุปจากประสบการณ์อันน้อยนิด ว่าทูตสวรรค์คนนี้น่ารักดี บอดี้สมส่วน บริการดี ไม่งอแง ถ้าท่านใดที่ยังไม่เคยทดสอบสนามโลลิต้ากับทูตสวรรค์คนนี้ผมขอแนะนำครับ ติดต่อสอบถามพี่เค้าได้ครับ(ลืมบอกไปว่าชื่อพี่จิว)
               ขอบคุณที่สละเวลาอ่านบทความแรกของผม ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้

ป.ล.สามารถชมตัวอย่างสมรรถนะได้ครับ